วันที่ 12-13 มกราคม พ.ศ. 2560 รองศาสตราจารย์ ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ นายกสภามหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ บรรยายพิเศษ เรื่อง “มก.ฉกส. สืบสานหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ในโครงการสัมมาทิฐิภิรมย์ ครั้งที่ 4 “ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 มก.ฉกส.” แก่บุคลากรสายวิชาการ จำนวน 225 คน ใน 4 คณะ ได้แก่ คณะทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรมเกษตร คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ คณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วิไลศักดิ์ กิ่งคำ รักษาการแทนรองอธิการบดีวิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ให้การต้อนรับ ณ ห้องพระพิรุณ อาคารบริหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร
โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกันเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของวิทยาเขต และสร้างความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจาก มก.ฉกส.ก่อตั้งขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 – 2559 พร้อมด้วยวัตถุประสงค์ทั้ง 9 ประการ ดังนี้
- เป็นวิทยาเขตแห่งที่ 3 และเป็นวิทยาเขตดิจิทัลของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อมาสร้างความกินดีอยู่ดีของชาติ ด้วยศาสตร์แห่งแผ่นดิน คำอยู่ด้วย ศาสตร์พระราชา ศาสตร์ชุมชน ศาสตร์สากล โดยใช้การเกษตรเป็นพื้นฐาน
- สร้างขึ้นที่จังหวัดสกลนคร สกลนคร เป็นบ้านของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.9 เป็นที่ตั้งของพระตำหนัก ศูนย์ภูพาน ศูนย์ศิลปาชีพ คนที่นี่ต้องเข้าใจ เข้าถึง พร้อมที่จะพัฒนา
- สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2539 ซึ่งเป็นปีที่ ร.9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
- ได้รับพระราชทานนามเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2539 พร้อมตราสัญลักษณ์ งานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี ต้องภูมิใจ
- ได้น้อมนำหลักการทรงงาน ร.9 มารังสรรค์และพัฒนา
- น้ำเพื่อชีวิต ดินเพื่อชีวิต ต้นไม้เพื่อชีวิต วิชาการเพื่อชีวิต
- เพื่อสร้างคนไปสร้างชาติ
- สร้างชีวิตความเป็นอยู่ของคนให้ดีขึ้น
- เพื่อสร้างโรงละครให้คนรุ่นหลังแสดงต่อไป
- สร้างเป็นวนานันทอุทยาน : เป็นสถานที่ที่มีความร่มรื่น อุดมสมบูรณ์ เมื่อผู้ใดมาอยู่แล้วมีความสุข ซึ่งเป็นอุทยานที่เต็มไปด้วยความภูมิใจ เนื่องจากประกอบไปด้วยอุทยานสำคัญ
- อุทยานหนองหารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา รัชกาลที่ 9
- อุทยานเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ เป็นป่าเต็งรังที่ดีที่สุดในประเทศ มีมูลค่ามาก
- อุทยานเกษตร 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ์ และเป็น University Farm สำหรับค้นคว้าวิจัย ดินที่มีชีวิต น้ำที่มีชีวิต
- อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา พระเทพฯ
- อุทยานธรรมเวชนคร เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ เป็นห้องปฏิบัติการที่มีชีวิตของนิสิต
- สร้างด้วยจิตวิญญาณของคนในชาติ เพราะเกิดจากการ่วมใจกันของชาว มก.และจังหวัดสกลนคร
- รัชกาลที่ 10 เสด็จฯ เปิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2547
- สืบสานหลักการทรงงาน ให้ก้าวไกล ….นิรันดร์
นายกสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า “บุคลากรของ มก.ฉกส. ทุกคน ถือเป็นผู้ที่ทำงานในสถาบันการศึกษาที่มีความพิเศษ มีความยิ่งใหญ่ และเป็นที่น่าภูมิใจเพราะสร้างขึ้นเพื่อทูลเกล้าถวาย ร.9 และเป็นวิทยาเขตสารสนเทศ ต้องการจะเห็นว่าบุคลากรอยากเห็นวิทยาเขตก้าวต่อไปอย่างไร เมื่อ คิดแล้วก็ต้องพูด พูดแล้วต้องทำ เพราะทุกคนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ ภายใต้ พ.ร.บ.มก. 2558 เพื่อจะปรับเปลี่ยนระบบบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ทุกคนต้องมีส่วนร่วม” ยังได้ให้นโยบายในการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นใน 2 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
- การสื่อสารภาพลักษณ์ขององค์กร เนื่องจากมีความสำคัญในการดำเนินงาน สร้างความเข้าใจในแนวทางและนโยบายในภาพรวม ให้แก่ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ส่งผลให้องค์กรได้รับการสนับสนุน ความร่วมมือ ตลอดจนงบประมาณที่จะมาดำเนินงาน
- การบริหารจัดการที่เป็นระบบ บริหารจัดการแบบมีประสิทธิภาพ ผลงานที่มีคุณภาพ ตามหลักธรรมาภิบาล
- ทำให้การทำงานอย่างเป็นระบบ ให้ระบบบริหารระบบ เพราะไม่ว่าใครจะมาบริหารงานหรือปฏิบัติงานต้องทำงานภายใต้ระบบที่มีประสิทธิภาพได้ หากยังไม่ทันสมัยก็ต้องมีการปรับปรุง
- การบริหารจัดการในทุกด้าน มีวิธีการ 6 ขั้นตอน ดังนี้
- การวางระบบ
- จัดทำระเบียบ
- จัดทำคู่มือ
- ประกันคุณภาพ
- ประเมินผล
- ให้รางวัล เพื่อเป็นกำลังใจ
ทั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้บุคลากรของแต่ละคณะ ได้นำเสนอปัญหาและอุปสรรค ปัจจัยอันเป็นความเสี่ยงที่ต้องได้รับการบริหารจัดการโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยิ่งต่อการบริหารงาน ทั้งในระดับภายในและภายนอกวิทยาเขต ตลอดจนข้อเสนอแนะในด้านต่าง ๆ ของวิทยาเขต เพื่อนำไปวางแผนการดำเนินงานต่อไป ซึ่งแต่ละคณะมีประเด็นปัญหาและอุปสรรค ตลอดจนข้อเสนอแนะที่แตกต่างกัน
ในการจัดโครงการสัมมาทิฐิภิรมย์ ครั้งที่ 4 จัดขึ้นทั้งหมด 2 วัน โดยแบ่งการบรรยายเป็น 4 ช่วงเวลา เพื่อเปิดโอกาสให้บุคลากรได้มีความใกล้ชิดท่านนายกสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มากยิ่งขึ้น ดังนี้
วันที่ 12 มกราคม 2560
เวลา 09.00 – 12.00 น. คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ (ศว.)
โดย อ.สิริลักษณ์ พิชัยณรงค์ รองคณบดีคณบดี เป็นผู้แทนคณบดีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ นำบุคลากรเข้าร่วมจำนวน 35 คน เข้าร่วมรับฟังการบรรยายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในประเด็นสำคัญคือการเพิ่มสื่อสารสร้างการมีส่วนร่วมและความเข้าใจร่วมกันของบุคลากรภายในคณะให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้นายกสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ให้แนวคิดในการดำเนินงาน ดังนี้ “หากมีจิตวิญญาณก็จะรู้หน้าที่ การประชุมหรือการทำงาน แนะนำการเป็นนักบริหาร เป็นอาจารย์ จะต้องรู้ว่างานหลัก งานรอง งานย่อย คืออะไร ประชุมอะไรไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไป อะไรไม่จำเป็นจัดลำดับความสำคัญไว้ทีหลัง เรื่องขึ้นเครื่องบิน หากขึ้นแล้วมีประโยชน์ก็ขึ้นได้ หากขึ้นแล้วไม่มีประโยชน์ก็ไม่ต้องขึ้น “มองลึกๆ นึกไกลๆ ใจกว้างๆ” “ยิ่งให้ยิ่งได้”…แต่จะได้ในรูปแบบใดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง “ทุกนาทีมีผลงาน” ดังนั้นต้องทำตัวให้มีคุณค่าทุกๆนาที ยังมีภารกิจอีก 4 ด้านที่ต้องทำ *วัฒนธรรมของเกษตร ชื่อของอดีตอธิการบดีคือชื่อถนน นั่นคือชื่อที่ให้ผู้คนเหยียบย่ำ ดังนั้นผู้บริหารจะต้องพร้อมรับกับทุกสถานการณ์และบริหารจัดการให้องค์กรก้าวเดินต่อไปได้”
เวลา 13.00 – 16.30 น. คณะสาธารณสุขศาสตร์ (สศ.) นำโดย อ.พัสกร องอาจ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ พร้อมด้วยบุคลากรสายวิชาการจำนวน 24 คน เข้ารับฟังการบรรยายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในภาพรวมของคณะมีการดำเนินงานอย่างเข้มแข็ง แต่ต้องหาแนวทางแก้ไขอัตรากำลังของคณะ เนื่องจากเป็นคณะที่ก่อตั้งขึ้นใหม่จึงยังไม่มีอัตราประจำของคณะดังนั้นจึงต้องมีการหารืออย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหา และเนื่องจากบุคลากรภายในคณะส่วนใหญ่ยังไม่ทราบข้อมูลความเป็นมาของวิทยาเขตเท่าที่ควร ในโอกาสนี้ นายกสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงได้นำบุคลากรของคณะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์องค์ความรู้นิธิปัญญา (อาคาร 13) ประกอบด้วย หอประวัติ มก.ฉกส. พิพิธภัณฑ์ดินลูกรัง และพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ หลังจากนั้นได้เยี่ยมชมห้องสมมาทิฐิ ซึ่งเป็นห้องที่รวบรวมผลงานของ รศ.ดร.วิโรจ อิ่มพิทักษ์ อดีตรองอธิการบดีคนแรกของ มก.ฉกส. อดีตอธิการบดี มก.คนที่ 13 และนายกสภา มก. คน 28 ซึ่งได้รับความสนใจจากบุคลากรเป็นอย่างมากและเป็นตัวอย่างในการเก็บรวบรวมเอกสารและหลักฐานที่สำคัญในการจัดทำประวัติศาสตร์การก่อตั้งของคณะต่อไป ตามแนวคิดที่นายกสภาฯ ได้กล่าวไว้ว่า “ที่ใดไม่มีประวัติศาสตร์…ที่นั่นไม่มีอนาคต”
วันที่ 13 มกราคม 2560
เวลา 09.00 – 12.00 น. คณะทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรมเกษตร โดย ผศ.ดร.ชื่นจิต แก้วกัญญา รองคณบดี เป็นผู้แทนคณบดีคณะทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรมเกษตร นำบุคลากรสายวิชาการ จำนวน 23 คน เข้าร่วมรับฟังการบรรยายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
นายกสภาฯ ได้ให้แนวทาง ในการดำเนินงานพื้นที่ “อุทยานเกษตร 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ์” มอบหมายให้วิทยาเขตดูแลในภาพรวม ให้มีความพร้อมในปี 2561 บูรณาการร่วมกับคณะเพื่อให้มีความก้าวหน้าและเป็นประโยชน์สูงสุด
เนื่องจาก คณะทอ.เป็นคณะหลักของวิทยาเขต และมหาวิทยาลัย มีศักยภาพและความพร้อม สิ่งที่ต้องแก้ไขคือ
- การสื่อสารเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม
- การสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ให้มีความชัดเจนเพราะเป็นหน่วยงานหลักที่มีองค์ความรู้ด้านการเกษตร ที่บ่งบอกถึงความเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- การบริหารจัดการที่เป็นระบบ บริหารจัดการแบบมีประสิทธิภาพ ผลงานที่มีคุณภาพ ตามหลักธรรมาภิบาล
เวลา 13.00 น. คณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ (วว.) โดย ผศ.ดร.ศมณพร สุทธิบาก คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ นำบุคลากรสายวิชาการ จำนวน 49 คน เข้าร่วมรับฟังการบรรยายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยนายกสภาฯ ได้สรุปประเด็นปัญหาสำคัญของคณะ ซึ่งต้องได้รับการแก้ไข ได้แก่
- การสื่อสารภายในองค์กรให้เกิดความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน โดยเฉพาะในด้านของนโยบายของมหาวิทยาลัย และวิทยาเขต
- การหาแนวทางในการพัฒนาพื้นฐานความรู้ของนิสิตเพื่อสามารถสำเร็จการศึกษาตามระยะเวลาที่กำหนด และลดปัญหาการพ้นสภาพนิสิต ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์และรายได้ของวิทยาเขตด้วย
- คณาจารย์ควรให้ความสำคัญกับการจัดทำโครงการพัฒนาวิชาการ บริการวิชาการ ให้มากยิ่งขึ้น เพราะเป็นแนวทางที่จะสามารถส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยให้เกิดความยั่งยืน